การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะหาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับขนาดของเพดานปากและรูปร่างของโค้งแม็กซิลลาร์ในคนไทย การศึกษาทำในคนไทย 366 คน โดยมีจำนวนของชายและหญิงเท่ากัน พบว่าผู้ที่ไมีมีกระดูกทอรัสกลางเพดานปากจะมีความลึกของเพดานปากมากกว่าผู้ที่มีกระดูกทอรัสกลางเพดานปากอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.001) แต่ความกว้างและความยาวของเพดานปากไม่แตกต่างกันไม่ว้าผู้นั้นจะมีกระดูกทอรัสกลางเพดานปากหรือไม่ ไม่พบความสัมพันธ์ของขนาดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับขนาดของเพดานปาก นอกจากนี้พบกระดูกทอรัสกลางเพดานปากส่วนใหญ่ในผู้ที่มีรูปร่างของโค้งแม็กซิลลาร์แบบที่มีปลายขนาน (75.9%) และแบบที่มีปลายบานออก (75.1%) มากกว่าแบบที่มีปลายสอบเข้า (63.6%) แต่ความแตกต่างนี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษานี้สนับสนุนการศึกษาที่ผ่านมาถึงความสัมพันธ์ของการเกิดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับความลึกของเพดานปาก แต่ไม่แสดงความสัมพันธ์ของการเกิดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับรูปร่างของโค้งแม็กซิลลาร์การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะหาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับขนาดของเพดานปากและรูปร่างของโค้งแม็กซิลลาร์ในคนไทย การศึกษาทำในคนไทย 366 คน โดยมีจำนวนของชายและหญิงเท่ากัน พบว่าผู้ที่ไมีมีกระดูกทอรัสกลางเพดานปากจะมีความลึกของเพดานปากมากกว่าผู้ที่มีกระดูกทอรัสกลางเพดานปากอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.001) แต่ความกว้างและความยาวของเพดานปากไม่แตกต่างกันไม่ว้าผู้นั้นจะมีกระดูกทอรัสกลางเพดานปากหรือไม่ ไม่พบความสัมพันธ์ของขนาดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับขนาดของเพดานปาก นอกจากนี้พบกระดูกทอรัสกลางเพดานปากส่วนใหญ่ในผู้ที่มีรูปร่างของโค้งแม็กซิลลาร์แบบที่มีปลายขนาน (75.9%) และแบบที่มีปลายบานออก (75.1%) มากกว่าแบบที่มีปลายสอบเข้า (63.6%) แต่ความแตกต่างนี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษานี้สนับสนุนการศึกษาที่ผ่านมาถึงความสัมพันธ์ของการเกิดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับความลึกของเพดานปาก แต่ไม่แสดงความสัมพันธ์ของการเกิดกระดูกทอรัสกลางเพดานปากกับรูปร่างของโค้งแม็กซิลลาร์