การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบปริมาณมอนอเมอร์ที่ถูกชะซึมจากวัสดุเสริมฐานฟันเทียมอะคริลิกแบบแข็งชนิดบ่มเอง
หลังจากลดปริมาณมอนอเมอร์ที่หลงเหลือด้วยกระบวนการต่าง ๆ เตรียมชิ้นงานวัสดุเสริมฐานฟันเทียมอะคริลิกแบบแข็งชนิดบ่มเอง
(Unifast Trad) จำนวน 24 ชิ้น แบ่งเป็นกลุ่ม 4 กลุ่ม (กลุ่มละ 6 ชิ้น) กลุ่ม 1 เป็นกลุ่มควบคุม; กลุ่ม 2 แช่ในน้ำอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส
เวลา 1 ชั่วโมง; กลุ่ม 3 แช่ในอ่างอัลตร้าโซนิกที่มีน้ำ อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เวลา 5 นาที และ กลุ่ม 4 แช่ในอ่างอัลตร้าโซนิกที่มี
สารละลายน้ำที่มีเอทานอลความเข้มข้นร้อยละ 30 อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เวลา 5 นาที นำชิ้นงานไปแช่น้ำที่อุณหภูมิ 37 องศา
เซลเซียส แล้วเก็บตัวอย่างของน้ำที่ได้จากการแช่ที่ระยะเวลา 1 3 24 ชั่วโมง วันที่ 3 และ 7 ตามลำดับ หาปริมาณมอนอเมอร์ที่อยู่ใน
ตัวอย่างน้ำที่เก็บด้วยเครื่องโครมาโทกราฟีของเหลวสมรรถนะสูงตามข้อกำหนดในมาตรฐาน ISO 20795-1 : 2013 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย
สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบสองทาง ความแปรปรวนแบบทางเดียว และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม ด้วยวิธีดันเนท ที3 (Dunnett’s
T3) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติร้อยละ 95 ผลการศึกษาพบว่า ชิ้นงานกลุ่ม 2 3 และ 4 มีปริมาณเมทิลเมทาคริเลตที่ถูกชะซึมในน้ำน้อย
กว่ากลุ่ม 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ยกเว้นวันที่ 7 กลุ่ม 1 และ 2 มีค่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) และ
กลุ่ม 1 และ 2 มีปริมาณเมทิลเมทาคริเลตที่ถูกชะซึมสูงกว่ากลุ่ม 4 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แต่ไม่แตกต่างจากกลุ่มที่ 3 อย่าง
มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) โดยสรุป การแช่วัสดุเสริมฐานฟันเทียมอะคริลิกแบบแข็งชนิดบ่มเองหลังการบ่มในน้ำ หรือสารละลาย
เอทานอลความเข้มข้นร้อยละ 30 ในอ่างอัลตร้าโซนิกที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เวลา 5 นาที สามารถลดปริมาณเมทิลเมทาคริเลตที่
ถูกชะซึมได้ดีกว่าหรือไม่แตกต่างจากวิธีการที่ใช้กันในปัจจุบันที่แช่ในน้ำอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสเวลา 1 ชั่วโมง แต่เป็นวิธีการที่มี
ประสิทธิภาพดีกว่าเพราะใช้เวลาแช่เพียง 5 นาที